นางเงือก
สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์เพียงแต่มีขาเป็นหางปลา
และมักอาศัยอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่แทนที่จะเดินอยู่บนแผ่นดิน
อาจเป็นเรื่องราวในตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
ทว่าสำหรับชาวประมงแล้วนี่เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริงซึ่งพวกเขา
เคยมีโอกาสพบเห็นในโลกลี้ลับใต้ท้องทะเล
การค้นหาความจริงเกี่ยวกับการขึ้นมาเกยตื้นของวาฬทั้งในวอชิงตันและแอฟริกา
ใต้
ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผลมาจากการทดสอบโซนาร์ของกองทัพเรือสหรัฐ
ทำให้พวกเขาพบเจอกับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดที่โลกยังไม่เคยรู้จักโดยบังเอิญ
ซึ่งทำให้เรื่องราวของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงตำนานอีกต่อไป
ปี ค.ศ. 1997
นักวิทยาศาสตร์จากองค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐ
หรือเอ็นโอเอเอ (NOAA) ได้บันทึกเสียงลึกลับได้ในมหาสมุทรแปซิฟิก
จากประวัติศาสตร์ 50 ปีของโครงการวิจัยเสียงในทะเลลึกของเอ็นโอเอเอ
มันเป็นเสียงเดียวที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเสียงอะไร
เสียงบันทึกนี้ถูกขนานนามว่า “บลูพ”
และพวกเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครรู้จัก
เช้าตรู่วันหนึ่งในเดือนเมษายนปี ค.ศ. 2004
เด็กชายสองคนในรัฐวอชิงตันเป็นคนแรกที่มาถึงสถานที่เกิดเหตุวาฬเกยตื้นหมู่
ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ก่อนจะรายงานสิ่งที่ได้พบ
พวกเขาได้ตระเวนดูท่ามกลางฝูงวาฬที่ถูกซัดขึ้นมา
เด็กชายคนหนึ่งมีกล้องโทรศัพท์มือถือ
เขาใช้มันบันทึกภาพสถานที่เกิดเหตุเกยตื้นหมู่ และสังเกตเห็นสิ่งอื่น
มันเป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามันดูแปลก สิ่งที่ดูไม่เหมือนวาฬตัวอื่น ๆ
สิ่งที่เด็กสองคนนี้อ้างว่าพวกเขาได้เห็นจะถูกบรรยายแตกต่างกันไปในรายงาน
ฉบับต่าง ๆ ของทางการ
เอ็นโอเอเอตามรอยเรื่องลี้ลับนี้มานานหลายปี
หลังพบปลาที่ถูกจับในทะเลเปิดมีฉมวกแทงอยู่
และตอนนี้มีคนพบพวกมันถูกซัดขึ้นมาเกยหาดพร้อมกับพวกวาฬ
“ก่อนหน้านั้นผมเคยได้ยินเรื่องสิ่งประหลาด ๆ
ที่พบในปลาซึ่งถูกจับกลางทะเลบอลติก
แต่ผมได้เห็นกับตาตัวเองเมื่อเราลากอวนในน้ำลึกบริเวณที่เป็นแอ่ง
บางครั้งเมื่อเราดึงอวนขึ้นมา เราจะพบปลาซึ่งเพิ่งถูกฆ่า
ปลาซึ่งมีฉมวกปักด้านข้าง
ในการออกเรือเที่ยวหนึ่งผมเอากล้องไปด้วยตั้งใจจะถ่ายรูปวาฬที่ผมเห็นเพื่อ
เอาไปให้ลูกชายดู
ครั้งนี้เองที่เราลากอวนเข้ามาและเห็นว่ามีอะไรบางอย่างปีนออกจากอวนในขณะ
ที่เราดึงเข้ามา ผมวิ่งไปหยิบกล้องและถ่ายรูปมันได้รูปหนึ่ง
ผมคิดว่านี่คือตัวที่ทำฉมวก ผมคิดว่าเราคงไปรบกวนการจับปลาของคนอื่น” ฮันส์
เบาเออร์ ชาวประมงเยอรมันบอกเล่า
และระหว่างการค้นหาเหตุผลที่ทำให้วาฬเกยตื้นในแอฟริกาใต้
พวกเขาก็พบหลักฐานสำคัญที่จะไขความลี้ลับที่ค้นหามานาน
เมื่อฉลามขาวมาตะลุยกินซากวาฬที่มาเกยตื้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ฉลามหากแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในตัวมัน
มีบางส่วนที่ดูเหมือนอาจจะมาจากโลมา บางส่วนดูเหมือนจะมาจากแมวน้ำ
แต่ไม่ใช่แมวน้ำหรือโลมาที่เราเคยพบ และมีอวัยวะส่วนอื่น ๆ ด้วย
“มีรอยแทงรอบ ๆ เหงือกและปากฉลาม
และตอนแรกผมคิดว่านี่อาจจะเป็นอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนที่มันถูกเกี่ยวมา
ติดข้างเรือ แต่ผมแหย่เข้าไปในรอยหนึ่ง และผมพบเงี่ยงปลากระเบนอยู่ข้างใน
นี่อาจจะเกิดจากปลากระเบนป้องกันตัว ฉลามกินปลากระเบน ฉลามหัวค้อนกิน
ฉลามเสือกิน แต่ฉลามขาวไม่กิน” ดร.ไบรอัน แม็คคอร์มิค นักชีววิทยาทางทะเล
ระบุถึงสิ่งที่พบ
นี่อาจเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนาการมาจากทฤษฎีลิงน้ำ
ที่อพยพจากบนบกลงสู่ทะเลและกระจายตัวอยู่ตลอดแนวชายฝั่งของทวีปแอฟริกา
พวกเขานำซากที่มีเพียง 30% กลับไปที่ห้องทดลอง
ฟันของมันเป็นเรื่องน่าพิศวงจริง ๆ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลจะมีฟันแบบโฮโมดอนต์
ซึ่งแปลว่ามีฟันซึ่งมีขนาดและรูปร่างเหมือนกันหมด
แต่ฟันของตัวอย่างนี้ไม่ใช่ มันมีฟันกราม ฟันหน้า ฟันเขี้ยว
เป็นฟันแบบสิ่งมีชีวิตที่กินทั้งพืชและสัตว์
ไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดไหนที่กินทั้งพืชและสัตว์
ในบรรดาชิ้นส่วนทั้งหมดที่มี แพนหางคือส่วนที่ถูกเก็บไว้ในสภาพดีที่สุด
มันดูคล้ายหางพะยูนมาก
และครั้งหนึ่งเคยมีพะยูนพันธุ์น้ำเย็นอาศัยอยู่ตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
แต่พวกมันถูกล่าจนสูญพันธุ์ บางทีนี่อาจจะเป็นพะยูนพันธุ์นั้น
อาจจะเป็นประชากรที่หลงเหลือ หรือญาติซึ่งไม่เคยถูกค้นพบของสัตว์ชนิดนี้
แต่เมื่อถ่ายภาพเอกซเรย์กลับพบว่ามีกระดูกในแพนหาง
แต่พะยูนไม่มีกระดูกแบบนั้น ไม่มีวาฬชนิดไหนมีกระดูกในแพนหาง
เมื่อวิเคราะห์ชั้นเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปพบว่า มีกรดไขมันที่พิเศษมาก
ซึ่งสามารถคงสภาพเป็นของเหลวและทำหน้าที่เป็นฉนวนได้แม้จะอยู่ในน้ำเย็นจัด
และยังพบโปรตีนในเลือดที่เรียกว่าไมโอโกลบิน
ซึ่งทำหน้าที่เก็บออกซิเจนไว้ในกล้ามเนื้อ
และพบเครือข่ายหลอดเลือดที่ช่วยเก็บความร้อนให้ระบบอวัยวะสำคัญ ๆ
ทั้งสองสิ่งนี้เป็นการปรับตัวที่พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล
ขณะที่ม้ามขนาดใหญ่ใช้เก็บกักออกซิเจนและเลือด
และเก็บออกซิเจนไว้ระหว่างดำน้ำลึก มันเหมือนมีถังสกูบาติดตั้งอยู่ภายในตัว
ส่วนกระดูกตะโพกที่พบนั้นบ่งบอกว่า สิ่งมีชีวิตตัวนี้มีโครงสร้างตะโพกแบบเดียวกับสัตว์ที่ยืนตัวตรง ครั้งหนึ่งมันเคยเดินสองขา
“ศพนี้เป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญที่สุดในทางมานุษยวิทยา
จนอาจจะเป็นหนึ่งในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
มนุษย์ นิยามประวัติศาสตร์มนุษย์คงจะต้องถูกเขียนใหม่
นี่คือนักประดิษฐ์เครื่องมือซึ่งมีเชาวน์ปัญญา
และมีมือที่หยิบจับสิ่งของได้ ซึ่งวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษจำพวกลิง
บรรพบุรุษซึ่งเดินตัวตรงบนพื้นดินเหมือนพวกเรา” ดร.พอล โรเบิร์ตสัน
หนึ่งในทีมงานระบุ
ขณะที่ ดร.ลีแอน ฟิซเซอร์ นักนิติมานุษยวิทยาในภาควิชาวิวัฒนาการมนุษย์
มหาวิทยาลัยวิทวอเตอร์สรานด์ในแอฟริกาใต้ สแกนกะโหลกที่ถูกประกอบขึ้นมาใหม่
และพบว่า
ช่องเปิดที่เศษชิ้นส่วนกะโหลกด้านหน้านั้นเชื่อมต่อกับโพรงไซนัสมากมายภายใน
กะโหลก
รูปร่างและลักษณะของกะโหลกนี้เผยให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีศักยภาพใน
การทำเสียงได้อย่างสลับซับซ้อนเพียงใด
รูปทรงเว้าที่ด้านหน้าของกะโหลกบ่งชี้ว่ามันมีเมลาน
มวลเนื้อเยื่อไขมันพิเศษที่ทำให้โลมาและวาฬอื่น ๆ
สามารถรู้ตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ด้วยเสียงสะท้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น