วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

                 นางเงือก
 
      
     สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์เพียงแต่มีขาเป็นหางปลา และมักอาศัยอยู่ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่แทนที่จะเดินอยู่บนแผ่นดิน อาจเป็นเรื่องราวในตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ทว่าสำหรับชาวประมงแล้วนี่เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริงซึ่งพวกเขา เคยมีโอกาสพบเห็นในโลกลี้ลับใต้ท้องทะเล
   
การค้นหาความจริงเกี่ยวกับการขึ้นมาเกยตื้นของวาฬทั้งในวอชิงตันและแอฟริกา ใต้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผลมาจากการทดสอบโซนาร์ของกองทัพเรือสหรัฐ ทำให้พวกเขาพบเจอกับสิ่งมีชีวิตอีกชนิดที่โลกยังไม่เคยรู้จักโดยบังเอิญ ซึ่งทำให้เรื่องราวของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงตำนานอีกต่อไป
   
ปี ค.ศ. 1997 นักวิทยาศาสตร์จากองค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐ หรือเอ็นโอเอเอ (NOAA) ได้บันทึกเสียงลึกลับได้ในมหาสมุทรแปซิฟิก จากประวัติศาสตร์ 50 ปีของโครงการวิจัยเสียงในทะเลลึกของเอ็นโอเอเอ มันเป็นเสียงเดียวที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเสียงอะไร เสียงบันทึกนี้ถูกขนานนามว่า “บลูพ” และพวกเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีใครรู้จัก
   
เช้าตรู่วันหนึ่งในเดือนเมษายนปี ค.ศ. 2004 เด็กชายสองคนในรัฐวอชิงตันเป็นคนแรกที่มาถึงสถานที่เกิดเหตุวาฬเกยตื้นหมู่ ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ก่อนจะรายงานสิ่งที่ได้พบ พวกเขาได้ตระเวนดูท่ามกลางฝูงวาฬที่ถูกซัดขึ้นมา เด็กชายคนหนึ่งมีกล้องโทรศัพท์มือถือ เขาใช้มันบันทึกภาพสถานที่เกิดเหตุเกยตื้นหมู่ และสังเกตเห็นสิ่งอื่น มันเป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามันดูแปลก สิ่งที่ดูไม่เหมือนวาฬตัวอื่น ๆ สิ่งที่เด็กสองคนนี้อ้างว่าพวกเขาได้เห็นจะถูกบรรยายแตกต่างกันไปในรายงาน ฉบับต่าง ๆ ของทางการ
   
เอ็นโอเอเอตามรอยเรื่องลี้ลับนี้มานานหลายปี หลังพบปลาที่ถูกจับในทะเลเปิดมีฉมวกแทงอยู่ และตอนนี้มีคนพบพวกมันถูกซัดขึ้นมาเกยหาดพร้อมกับพวกวาฬ
   
“ก่อนหน้านั้นผมเคยได้ยินเรื่องสิ่งประหลาด ๆ ที่พบในปลาซึ่งถูกจับกลางทะเลบอลติก แต่ผมได้เห็นกับตาตัวเองเมื่อเราลากอวนในน้ำลึกบริเวณที่เป็นแอ่ง บางครั้งเมื่อเราดึงอวนขึ้นมา เราจะพบปลาซึ่งเพิ่งถูกฆ่า ปลาซึ่งมีฉมวกปักด้านข้าง ในการออกเรือเที่ยวหนึ่งผมเอากล้องไปด้วยตั้งใจจะถ่ายรูปวาฬที่ผมเห็นเพื่อ เอาไปให้ลูกชายดู ครั้งนี้เองที่เราลากอวนเข้ามาและเห็นว่ามีอะไรบางอย่างปีนออกจากอวนในขณะ ที่เราดึงเข้ามา ผมวิ่งไปหยิบกล้องและถ่ายรูปมันได้รูปหนึ่ง ผมคิดว่านี่คือตัวที่ทำฉมวก ผมคิดว่าเราคงไปรบกวนการจับปลาของคนอื่น” ฮันส์ เบาเออร์ ชาวประมงเยอรมันบอกเล่า
   
และระหว่างการค้นหาเหตุผลที่ทำให้วาฬเกยตื้นในแอฟริกาใต้ พวกเขาก็พบหลักฐานสำคัญที่จะไขความลี้ลับที่ค้นหามานาน เมื่อฉลามขาวมาตะลุยกินซากวาฬที่มาเกยตื้น แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ฉลามหากแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในตัวมัน มีบางส่วนที่ดูเหมือนอาจจะมาจากโลมา บางส่วนดูเหมือนจะมาจากแมวน้ำ แต่ไม่ใช่แมวน้ำหรือโลมาที่เราเคยพบ และมีอวัยวะส่วนอื่น ๆ ด้วย
   
“มีรอยแทงรอบ ๆ เหงือกและปากฉลาม และตอนแรกผมคิดว่านี่อาจจะเป็นอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนที่มันถูกเกี่ยวมา ติดข้างเรือ แต่ผมแหย่เข้าไปในรอยหนึ่ง และผมพบเงี่ยงปลากระเบนอยู่ข้างใน นี่อาจจะเกิดจากปลากระเบนป้องกันตัว ฉลามกินปลากระเบน ฉลามหัวค้อนกิน ฉลามเสือกิน แต่ฉลามขาวไม่กิน”  ดร.ไบรอัน แม็คคอร์มิค นักชีววิทยาทางทะเล ระบุถึงสิ่งที่พบ
   
นี่อาจเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนาการมาจากทฤษฎีลิงน้ำ ที่อพยพจากบนบกลงสู่ทะเลและกระจายตัวอยู่ตลอดแนวชายฝั่งของทวีปแอฟริกา พวกเขานำซากที่มีเพียง 30% กลับไปที่ห้องทดลอง
   
ฟันของมันเป็นเรื่องน่าพิศวงจริง ๆ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลจะมีฟันแบบโฮโมดอนต์ ซึ่งแปลว่ามีฟันซึ่งมีขนาดและรูปร่างเหมือนกันหมด แต่ฟันของตัวอย่างนี้ไม่ใช่ มันมีฟันกราม ฟันหน้า ฟันเขี้ยว เป็นฟันแบบสิ่งมีชีวิตที่กินทั้งพืชและสัตว์ ไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลชนิดไหนที่กินทั้งพืชและสัตว์
   
ในบรรดาชิ้นส่วนทั้งหมดที่มี แพนหางคือส่วนที่ถูกเก็บไว้ในสภาพดีที่สุด มันดูคล้ายหางพะยูนมาก และครั้งหนึ่งเคยมีพะยูนพันธุ์น้ำเย็นอาศัยอยู่ตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก แต่พวกมันถูกล่าจนสูญพันธุ์ บางทีนี่อาจจะเป็นพะยูนพันธุ์นั้น อาจจะเป็นประชากรที่หลงเหลือ หรือญาติซึ่งไม่เคยถูกค้นพบของสัตว์ชนิดนี้ แต่เมื่อถ่ายภาพเอกซเรย์กลับพบว่ามีกระดูกในแพนหาง แต่พะยูนไม่มีกระดูกแบบนั้น ไม่มีวาฬชนิดไหนมีกระดูกในแพนหาง
   
เมื่อวิเคราะห์ชั้นเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปพบว่า มีกรดไขมันที่พิเศษมาก ซึ่งสามารถคงสภาพเป็นของเหลวและทำหน้าที่เป็นฉนวนได้แม้จะอยู่ในน้ำเย็นจัด และยังพบโปรตีนในเลือดที่เรียกว่าไมโอโกลบิน ซึ่งทำหน้าที่เก็บออกซิเจนไว้ในกล้ามเนื้อ และพบเครือข่ายหลอดเลือดที่ช่วยเก็บความร้อนให้ระบบอวัยวะสำคัญ ๆ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นการปรับตัวที่พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ขณะที่ม้ามขนาดใหญ่ใช้เก็บกักออกซิเจนและเลือด และเก็บออกซิเจนไว้ระหว่างดำน้ำลึก มันเหมือนมีถังสกูบาติดตั้งอยู่ภายในตัว
   
ส่วนกระดูกตะโพกที่พบนั้นบ่งบอกว่า สิ่งมีชีวิตตัวนี้มีโครงสร้างตะโพกแบบเดียวกับสัตว์ที่ยืนตัวตรง ครั้งหนึ่งมันเคยเดินสองขา
   
“ศพนี้เป็นหนึ่งในการค้นพบครั้งสำคัญที่สุดในทางมานุษยวิทยา จนอาจจะเป็นหนึ่งในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ มนุษย์ นิยามประวัติศาสตร์มนุษย์คงจะต้องถูกเขียนใหม่ นี่คือนักประดิษฐ์เครื่องมือซึ่งมีเชาวน์ปัญญา และมีมือที่หยิบจับสิ่งของได้ ซึ่งวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษจำพวกลิง บรรพบุรุษซึ่งเดินตัวตรงบนพื้นดินเหมือนพวกเรา” ดร.พอล โรเบิร์ตสัน หนึ่งในทีมงานระบุ
   
ขณะที่ ดร.ลีแอน ฟิซเซอร์ นักนิติมานุษยวิทยาในภาควิชาวิวัฒนาการมนุษย์ มหาวิทยาลัยวิทวอเตอร์สรานด์ในแอฟริกาใต้ สแกนกะโหลกที่ถูกประกอบขึ้นมาใหม่ และพบว่า ช่องเปิดที่เศษชิ้นส่วนกะโหลกด้านหน้านั้นเชื่อมต่อกับโพรงไซนัสมากมายภายใน กะโหลก รูปร่างและลักษณะของกะโหลกนี้เผยให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีศักยภาพใน การทำเสียงได้อย่างสลับซับซ้อนเพียงใด รูปทรงเว้าที่ด้านหน้าของกะโหลกบ่งชี้ว่ามันมีเมลาน มวลเนื้อเยื่อไขมันพิเศษที่ทำให้โลมาและวาฬอื่น ๆ สามารถรู้ตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ด้วยเสียงสะท้อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น